ข่าววันที่ 4 เมษายน 2544

    หลังจากที่มีข่าวน่าสะเทือนใจเกี่ยวกับการที่เหลาจีนได้นำเจ้าเซ็นเบอร์นาร์ด
    ซึ่งเป็นสุนัขตัวโต และมีนิสัย ชอบช่วยเหลือมนุษย์มาเป็นอาหารจานเด็ดกันเมื่อ
    เร็วๆ นี้แล้ว หลายคนคงตั้งคำถาม กับตัวเองว่า หาก สุนัขตัวโปรดในบ้านของเรา
    ต้องจบชีวิตลงด้วยวิธีดังกล่าว หรือจะด้วย โรคร้ายต่างๆ โดยเฉพาะโรคพิษสุนัข
    บ้า จะทำอย่างไร?

    สำหรับโรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนที่มีความสำคัญโรคหนึ่ง
    เมื่อใครเป็นโรคดังกล่าวแล้ว สามารถพูดได้ว่า "เป็นแล้วไม่หาย ตายลูกเดียว"
    โดยจากสถิติที่กรมควบคุมโรคติดต่อได้รวบรวมไว้ในขณะนี้กล่าวคือ เป็นโรคที่
    ทำให้มีผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 12 ของประชากรโลก โดยมีผู้เสียชีวิตปีละไม่ต่ำ
    กว่า 50,000 ราย และในจำนวน ดังกล่าวมีคนไทยประมาณ 50 ราย

    ด้วยเหตุนี้ ทางกรมปศุสัตว์ กระทรวงสาธารณสุข กรมการปกครอง กระทรวง
    มหาดไทย สถานเสาวภา สภากาชาดไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ
    กรุงเทพมหานคร จึงได้จับมือจัดทำโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัข
    บ้า เป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้จะเริ่มอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1-30 เม.ย.
    2544 เป็นต้นไป

    นายระพีพงศ์ วงศ์ดี อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า "โครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกัน
     โรคพิษสุนัขบ้าทั่วประเทศ จัดเป็นมาตรการหนึ่งที่เกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้มีการ
    เสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันโรคโดยการฉีดวัคซีนให้ได้ครอบคลุม 80% ขึ้นไป ซึ่งมี
    การดำเนินการเป็นประจำทุกปี อีกทั้งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นบริการฟรีให้กับสุนัข
    ด้อยโอกาส ไม่ได้รับการ เอาใจใส่ดูแล ให้ได้รับการฉีดวัคซีน อาทิ สุนัขตามวัด
    แหล่งท่องเที่ยว โรงเรียน ชุมชน และโครงการนี้ยัง ให้บริการฉีดยา คุมกำเนิด
    ตอนสุนัขเพศผู้ เพศเมีย โดยไม่คิดมูลค่า"

    ทั้งนี้ จากการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงแม้จะลดจำนวนผู้เสียชีวิต
    ด้วยโรคดังกล่าว ได้ในระดับหนึ่ง แต่จะประสบผลสำเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับ
    ประชาชนด้วยเช่นกัน ดังนั้นทางกรมปศุสัตว์จึงอยากที่จะให้ผู้ที่เลี้ยงสุนัข และ
    แมว ช่วยกันนำสัตว์ของท่านไป ฉีดวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าวทุกปี ไม่ปล่อยสุนัข
    ออกมานอกบ้าน ควบคุมจำนวน สุนัขให้มีจำนวนพอเหมาะที่จะเลี้ยงดู ด้วยการ
    นำไปคุมกำเนิดหรือทำหมัน ที่สำคัญไม่นำสุนัขไปปล่อยตามที่สาธารณะ

    และ...ล่าสุดในปีนี้ ทางกรมปศุสัตว์ร่วมกับกรมควบคุมโรคติดต่อ
    กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการจัดทำสมุดประวัติ ประจำตัวสุนัข หรือจะเรียกว่า
    "พาสปอร์ตสุนัข" ขึ้นมาใช้ ซึ่งถือว่าเป็นประเทศแรกในเอเชียและประเทศ ที่สอง
    ในโลกก็ว่าได้ โดยจะเริ่มที่จังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดแรก และขยายไปยังพื้นที่ที่
    กำหนดให้เป็นเขตปลอดโรค ซึ่งมีการประกาศไปแล้วคือ เกาะช้าง เกาะหมาก
    เกาะกูด เกาะเหลายา เกาะกระดาษ จังหวัดตราด เกาะเสม็ด จ.ระยอง เกาะล้าน
    เกาะสีชัง จ.ชลบุรี เกาะทะลุ จ.ประจวบฯ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า
    จ.สุราษฎร์ธานี เกาะยอ จ.สงขลา

    เกาะสุรินทร์ เกาะสิมิลัน เกาะปันหยี เกาะยาวน้อย จ.พังงา เกาะภูเก็ต จ.ภูเก็ต
    เกาะพีพี เกาะลันตา จ.กระบี่ เกาะมุก เกาะลิบง เกาะสุกร เกาะกระดาน จ.ตรัง
    เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง-ราวี-หลีเป๊ะ เกาะเภตรา จ.สตูล เหตุผลที่มีการนำไป
    ใช้ในพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและ
    ต่างประเทศนิยมไปกันมาก เป็นแหล่ง ที่อยู่อาศัย มีชุมชนอาศัยอยู่ด้วย ไม่เคยมี
    ประวัติการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ที่สำคัญเป็นพื้นที่เกาะ ซึ่งง่าย
    ต่อการควบคุมการเข้า-ออกของสุนัข

    สำหรับ ชื่อเจ้าของ ที่อยู่ สถานที่ออกพาสปอร์ต ประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฯ
    ตั้งแต่ครั้งที่ 1-10 ประวัติการโอน เจ้าของ และประวัติการเคลื่อนย้าย โดยเจ้า
    ของสุนัขสามารถแสดง ความประสงค์ในการขอมีหนังสือดังกล่าว ด้วยการกรอก
    รายละเอียดข้อความ ในแบบคำขอมีหนังสือประจำตัวสุนัข (ปจต-1) แล้วยื่นเรื่อง
    ที่ สนง.ปศุสัตว์อำเภอ ที่สุนัขนั้นอยู่ พร้อมแนบภาพถ่ายสุนัขตามกำหนด ด้านขวา
    2 ใบ ด้านซ้าย 2 ใบ จากนั้นอีกประมาณ 7 วันทำการ ให้เจ้าของมารับพาสปอร์ต
    ดังกล่าวที่สถานที่ที่ทำการขอไว้

    แหม! สมัยนี้สุนัขก็ยังมีพาสปอร์ตกับเขาด้วย สมกับเป็นยุคดิจิตอลจริงๆ ส่วนใคร
    ที่ยังไม่ได้นำเจ้าตูบ เจ้าเหมียว เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ในบ้านไปฉีดวัคซีน ก็อย่ารอช้า
    ขอให้รีบๆนำไปก่อนที่จะสายเกินการณ์